วันเสาร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2554

ขั้นตอนการ Reset ตลับหมึก Canon MP 145 160

เบื้องต้น หลังจากใช้งานแล้วค่าหมึกในตลัหมด จะมีไฟเตือนหมึกหมด Alarm E4 ให้ทำการกดปุ่ม Stop/Reset ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที
หลังจากนั้นจะสามารถใช้งานต่อได้ แต่ถ้าต้องการให้ตลับหมึกมีอายุการใช้งานได้นานๆ ต้องทำการ Reset ตลับหมึกด้วย

ขั้นตอนการ Reset ตลับหมึก Canon MP 145 160

1. ถอดปลั๊กไฟเครื่องปริ้นออกแล้วใส่กระดาษ 2 แผ่น
2. กดปุ่ม On/Off ค้างไว้ แล้วเสียบปลั๊กไปที่เครื่องปริ้น
3. กดปุ่ม Stop/Reset 2 ครั้ง แล้วปล่อยมือออกจากปุ่ม On/Off
4. รอจนหน้าจอเครื่องปริ้นขึ้นเลข 0 จากนั้นกดปุ่ม + 1 ครั้ง หน้าจอจะขึ้นเลข 1
5. กดปุ่ม Start Color 2 ครั้ง และกดปุ่ม On/Off 1 ครั้ง รอจนเครื่องปริ้น พิมพ์กระดาษออกมาทั้ง 2 แผ่น
6. เปิดฝาเครื่องปริ้น รอจนหัวพิมพ์เลื่อนมาทางซ้าย แล้วถอดปลั๊กไฟและตลับหมึก 2 ตลับออก
7. ปิดฝาเครื่องปริ้น แล้วเสียบปลั๊กไฟและเปิดเครื่องปริ้น On/Off
8. เครื่องจะเรีกหาตลับหมึก ให้เปิดฝาเครื่องปริ้นแล้วใส่ตลับหมึกทั้ง 2 ตลับ เข้าที่เดิม รอจนหน้าจอขึ้นเลข 1 ก็เริ่มใช้งานได้ตามปกติ

หลังจาก Reset ตลับหมึกแล้วสถานะของตลับหมึกจะกลับมาเต็มทั้ง 2 ตลับ

"การ Reset ตลับหมึกทุกครั้งหลังจากสถานะหมึกหมด จะช่วยยืดอายุการใช้งานตลับหมึก หากไม่ทำการ Reset จะทำให้ตลับเสียได้ง่าย"

วิธีเคลียร์ซับหมึก

1. ปิดเครื่อง
2. กดปุ่ม Stop/Reset ค้างไว้ และตามด้วยปุ่ม ON/OFF ค้างตาม
3. ในขณะที่ยังกดปุ่ม ON/OFF ค้างอยู่ ให้ปล่อยมือจากปุ่ม Stop/Reset
4. ยังกดปุ่ม ON/OFF ค้างอยู่ ให้กดปุ่ม Stop/Reset อีก 2 ครั้ง เสร็จแล้วปล่อยมือจากปุ่มทั้ง 2 ปุ่ม
5. ไฟสีเขียวจะกระพริบสักพักแล้วจะหยุด
6. เมื่อไฟกลายเป็นสีเขียวค้าง กดปุ่ม Stop/Reset 4 ครั้ง
7. กดปุ่ม ON/OFF เพื่อปิดปริ๊นท์เตอร์ (บางทีอาจต้องกด 2 ครั้ง เพื่อปิด)
8. เปิดปริ๊นท์เตอร์ ก็จะใช้งานได้ตามปกติ

ดูแลรักษาเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ต ให้อยู่กันไปนานๆ

ดูแลรักษาเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ต ให้อยู่กันไปนานๆ



1. ดูแลหัวพิมพ์ของเครื่องพรินเตอร์ให้สะอาดอยู่เสมอ
การ เอาใจใส่เรื่องการรักษาความสะอาดหัวพิมพ์ของพรินเตอร์เป็นวิธีหนึ่งที่จะ ช่วยไม่ให้เกิดการอุดตันของหัวพิมพ์พรินเตอร์ได้ เป็นประโยชน์กับเครื่องพรินเตอร์ของ Hewlett Packard และ Lexmark ที่มีนิสัยไม่ยอมทำความสะอาดหัวพิมพ์ตามวงรอบการทำงานปกติ บ่อยครั้งที่มีน้ำหมึกบางส่วนตกค้างแล้วไหลไปจับกันเป็นคราบที่บริเวณส่วน ปลายของหัวพิมพ์แล้วทำให้ตลับหมึก (Ink Cartridge ) ออกอาการแปลกๆ หรือสีเพี้ยน รูปภาพขนาด (สีสัน) วิธีแก้ไขอย่างง่ายก็คือนำตลับหมึกออกมาจากพรินเตอร์แล้วค่อยๆ เช็ดทำความสะอาดบริเวณหลายหัวพิมพ์ด้วย Cotton buds หรือก็คือที่แคะหูที่เป็นสำลีนุ่มๆ นั่นเอง ห้ามใช้กระดาษทิชชู่และแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด จากนั้นนำตลับหมึกใส่เข้าไปในช่องใส่ของพรินเตอร์แล้วดึงออกมาซ้ำๆ ประมาณ 3-4 ครั้งโดยต้องใช้ความระมัดระวังในการใส่ตลับหมึกเข้าและดึงออกด้วย เพื่อไม่ให้ช่องใส่ตลับหมึกและตัวตลับหมึกเองหักเสียหาย การรักษาความสะอาดของหัวพิมพ์หอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้งานพิมพ์ที่ได้มี ปริมาณมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
2. ซื้อพรินเตอร์มาใช้ ก็ใช้บ้าง
พรินเตอร์ ทุกตัวสามารถป้องกันปัญหางานพิมพ์ไม่ได้ดั่งใจด้วยการหมั่นใช้งานมันบ่อยๆ หรืออย่างน้อยใช้พรินเตอร์พิมพ์งานบ้าง เสียงบ่นบ่อยๆ เรื่องงานพิมพ์มีคุณภาพต่ำโดยเฉพาะปัญหาที่พิมพ์ออกมาแล้วเป็นลายๆ ขาดๆ หายๆ หรือที่แย่ที่สุดคือ ออกมาเป็นกระดาษเปล่านั้น เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาชวนหงุดหงิดดังกล่าวด้วยการหมั่นใช้งาน พรินเตอร์บ่อยๆ
ปัญหางานพิมพ์เสียเพราะเครื่องพรินเตอร์แบบนี้มักมี สาเหตุมาจากหมึกพิมพ์แห้งเป็นคราบติดอยู่ภายในหัวพิมพ์หรือภายในท่อฉีดน้ำ หมึก (Nozzle) แล้วจึงกลายเป็นเหมือนตัวสกัดกั้นไม่ให้น้ำหมึกไปสัมผัสกับกระดาษ การให้พรินเตอร์พิมพ์งานที่ใช้หมึกสีและหมึกดำทุกๆ สัปดาห์เป็นอย่างน้อยจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้
คำแนะนำ คือ ควรเปิดเครื่องพรินเตอร์สัก 1 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้หัวพรินเตอร์ตรวจสอบความพร้อมของหมึกพรินเตอร์ หัวพรินเตอร์จะฉีดหมึกใหม่เข้าไปไล่หมึกเก่า เพื่อป้องกันการอุดตันของหมึก และควรทดสอบการพิมพ์ อย่างน้อยเดือน 1-2 ครั้ง เพื่อให้งานพิมพ์ออกมาดีอยู่เสมอ

3. การเก็บรักษาพรินเตอร์เมื่อไม่ใช้งาน
เมื่อ ไม่มีการใช้เครื่องพรินเตอร์ของ Epson เป็นเวลานานๆ เครื่องพรินเตอร์ Epson จำเป็นต้องถูกเก็บไว้ในสภาพที่มีตลับหมึกอยู่ในเครื่องด้วย ไม่ว่าตลับหมึกจะมีหรือไม่มีหมึกเหลือเลยก็ตาม เพราะการนำตลับหมึกออกจะเป็นการเปิดให้อากาศเข้ามา ทำให้ท่อทางเดินน้ำหมึกแห้ง หากจำเป็นที่จะต้องมีการเก็บเครื่องพรินเตอร์ไว้โดยไม่ใช้งานเป็นเวลานาน ข้อแนะนำที่ดีที่สุดคือให้เช็ดหัวพิมพ์ด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่ใช้สำหรับทำ ความสะอาดหัวพิมพ์พรินเตอร์อิงก์เจ็ตโดยเฉพาะ แล้วจึงใส่ตลับหมึกกลับเข้าที่ รวมทั้งการทำให้แผ่นรองน้ำหมึกขึ้นอยู่เสมอ โดยขั้นแรกเปิดสวิตซ์เครื่องพรินเตอร์ แล้วรอจนกว่าหัวพิมพ์จะหยุดขยับไปอยู่ที่ตำแหน่งปกติ (หยุดนิ่งอยู่ที่ด้านขวาสุด) จากนั้นก็ปิดสวิตซ์ตามปกติซึ่งนี่คือวิธีการที่จะทำให้กลไกสำหรับครอบปิด หัวพิมพ์และแผ่นรองน้ำหมึกอยู่ในตำแหน่งที่ตรงกับด้านใต้ของหัวพิมพ์พอดี
ส่วน เครื่องพรินเตอร์ของ HP และ Lexmark นั้น หัวพิมพ์จะอยู่รวมกับตลับหมึกพิมพ์เลย ซึ่งหมายความว่าทุกครั้งที่เราเปลี่ยนตลับหมึก ก็เท่ากับเปลี่ยนหัวพิมพ์เลยนั่นเอง ดังนั้นการเก็บรักษาเมื่อจะไม่ใช้งานเป็นเวลานานๆ จึงต้องทำโดยการนำตลับหมึกทั้งหมดออกมาเก็บใส่ไว้ในถุงพลาสติก ที่มีการปิดปากถุงเพื่อป้องกันอากาศเข้าเป็นอย่างดี หรือจะใช้ถุงที่เรียกว่าถุง Zip-lock ก็ได้ จากนั้นจึงปิดปากถุงให้สนิทเพื่อไม่ให้น้ำหมึกแห้ง ส่วนเครื่องพรินเตอร์ของ Canon นั้นรอจนหัวพิมพ์อยู่ในตำแหน่งเก็บหัวพิมพ์เหมือนกับ Epson จากนั้นจึงปิดสวิตซ์ตามปกติ จำไว้ว่าเครื่องพรินเตอร์ที่เก็บไว้จะต้องมีการคลุมปิดกันฝุ่นให้ดีเพื่อ ป้องกันฝุ่นละอองไม่ให้เข้ามาในกลไกของพรินเตอร์ได้

4. รักษาสุขภาพของพรินเตอร์ให้ดี
การ บำรุงรักษาเครื่องพรินเตอร์อย่างสม่ำเสมอจะเป็นการลดปัญหาการทำงานที่ผิด ปกติของเครื่องพรินเตอร์ ซึ่งบางอย่างเราสามารถทำได้ง่ายๆ เช่น การหมั่นกำจัดเศษกระดาษและเศษฝุ่นผงทั้งหลาย อย่างที่เราคงนึกภาพออกว่ากระดาษแต่ละแผ่นที่เราป้อนเข้าสู่เครื่อง พรินเตอร์เป็นปริมาณมากมายจะทิ้งเศษสิ่งไม่พึงประสงค์ไว้ในพรินเตอร์มาก ขนาดไหน การทำความสะอาดด้วยการเป่าเศษผงและฝุ่นออกด้วยเครื่องเป่าลมธรรมดาๆ (ย้ำว่าเครื่องเป่าลม..หาใช่เครื่องเป่าผมแต่อย่างใด) จะช่วยให้เครื่องพรินเตอร์ของเราสามารถป้อนกระดาษได้อย่างไม่ติดขัดเพราะ Roller ของมันสะอาดปราศจากสิ่งสกปรกนั่นเอง
การจับตลับหมึกในขณะเปลี่ยน ตลับหมึกอย่างระมัดระวังก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรต้องคำนึงถึง แม้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ตลับหมึกพิมพ์ทั้งหลายนั้นค่อนข้างมีความละเอียดอ่อนพอสมควร อย่างเช่นตลับหมึกของ HP และ Lexmark ที่มีหัวพิมพ์ติดอยู่ หากจับไม่ระวังก็อาจสร้างความเสียหายและส่งผลต่อคุณภาพงานพิมพ์ได้ หรือตลับหมึกของ Epson ที่มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์เล็กๆ อยู่มุมหนึ่ง ซึ่งอาจจะเสียหายได้หากสัมผัสกับความชื้นจากเหงื่อที่มือ

5. อย่าให้หัวพิมพ์อุดตัน
หัว พิมพ์ ประกอบด้วย Nozzle ซึ่งเป็นท่อฉีดน้ำหมึกที่มีอยู่ภายในหัวพิมพ์ของพรินเตอร์ เมื่อเกิดการอุดตันจะทำให้งานพิมพ์ที่ได้เป็นลายเส้นๆ พาดหน้ากระดาษหรือหมึกสีจางกว่าปกติ พรินเตอร์แบบ Inkjet หลายรุ่นจะมีโปรแกรมสำหรับตรวจสอบการตันของท่อฉีดน้ำหมึกที่เรียกว่าโปรแกรม Nozzle Check มาให้อยู่แล้ว
ข้อสำคัญอีกประการหนึ่งคือ อย่าปล่อยให้ตลับหมึกพิมพ์ที่เคยใช้งานแล้ว วางทิ้งไว้เฉยๆ นอกเครื่องพรินเตอร์ เพราะชั่วเวลานิดเดียวหมึกก็จะแห้งหมด ถ้าจำเป็นต้องนำตลับหมึกออกมาให้ทำอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วคือให้เก็บใส่ถุง พลาสติกที่ปิดผนึกป้องกันอากาศเข้าอย่างดีแล้วเท่านั้น

6. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องดูดฝุ่น ดูดฝุ่นใกล้เครื่องพิมพ์
พรินเตอร์ ควรจะอยู่ห่างๆ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์อย่างเครื่องดูดฝุ่นเข้าไว้ มีผู้ใช้งานเครื่องพรินเตอร์บางคนพยายามจะทำความสะอาดพรินเตอร์ด้วยการใช้ เครื่องดูดฝุ่นดูดเศษฝุ่นออกมา ผลก็คือ พรินเตอร์พังเพราะแผงวงจรอิเล็กรอนิกส์ในเครื่องลัดวงจร เนื่องจากไฟฟ้าสถิตย์ปริมาณมาที่จะเกิดขึ้นรอบๆ บริเวณที่เครื่องดูดฝุ่นทำงานแล้วไปรบกวนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนแผงวงจรใน เครื่องคอมพิวเตอร์ ทางที่ดีที่สุดคือ ใช้ปืนเป่าลมที่เราไม่ต้องกังวลเรื่องไฟฟ้าสถิตย์เลยแม้แต่น้อย เว้นเสียแต่ว่า เครื่องดูดฝุ่นที่ใช้จะมีท่อดูดยาวมากพอ ที่จะไม่ต้องให้มอเตอร์ไปอยู่ใกล้ๆ กับเครื่องพิมพ์

7. การทำความสะอาด Roller ที่ใช้ดึงกระดาษ
นำ กระดาษหนาๆ หรือกระดาษที่สามารถซับน้ำได้ดีแล้วฉีดผลิกภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสม ของแอมโมเนียให้หมาดๆ จากนั้นก็ป้อนเข้าไปในพรินเตอร์ซ้ำๆ ประมาณ 2-3 ครั้ง หลังจากนั้นก็ป้อนกระดาษธรรมดาเข้าไป เพื่อซับให้แห้ง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยล้างคราบหมึกและสิ่งสกปรกที่ติอยู่บนลูกกลิ้งกระดาษ ได้แล้ว

8. ควรปิด-เปิดเครื่องพิมพ์ด้วยสวิตซ์ ดีกว่าถอดปลั๊กไฟ
การ ปิด-เปิด เครื่องพิมพ์ควรทำที่สวิตซ์ของเครื่องเสมอ เพราะเครื่องพิมพ์จะเก็บและทำความสะอาดหัวหมึกหลังจากกดสวิตซ์ปิดที่ตัว เครื่อง ไม่ควรใช้ถอดปลั๊กหรือปิดสวิตซ์ปลั๊กไฟเนื่องจากจะทำให้เครื่องพิมพ์เสีย เร็วขึ้น

9. หมั่นอัพเดทไดรเวอร์และซอฟต์แวร์ของเครื่องพิมพ์อย่างสม่ำเสมอ
เพราะ ซอฟต์แวร์ (รวมไปถึงไดรเวอร์) ใหม่ๆ จะถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นจากเวอร์ชันก่อนๆ และในบางครั้งก็มีฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานอีกด้วย

10. ไม่ควรนำหมึกต่างยี่ห้อมาเติม
แน่ นอนครับถึงจะพรินต์ได้ก็จริง แต่จะทำให้ตลับหมึกอุดตันได้รวดเร็วขึ้น แถมหมึกเติมที่ไม่ได้คุณภาพ อาจทำให้หัวพิมพ์เสียหายได้อีกด้วย

11. ควรเปลี่ยนน้ำหมึก เมื่อมันเตือนว่าหมด
หลาย คนยังฝืนที่จะพิมพ์ต่อ ถึงแม้ว่าไดรเวอร์ของเครื่องพิมพ์ จะขึ้นเตือนว่าหมึกหมดแล้วก็ตาม อย่างเช่น ในกรณีที่หมึกสีหมด แต่ก็ยังจะฝืนพิมพ์งานขาว-ดำ ต่อ เพราะคิดว่าหมึกดำยังเหลือ ไม่ได้ใช้หมึกสี ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร แต่ในความเป็นจริง ถึงแม้ว่าหมึกพิมพ์สีจะไม่ได้ใช้ แต่ความร้อนที่หัวพิมพ์ก็ยังคงมีอยู่ ยิ่งเมื่อเราฝืนพิมพ์ จะทำให้ความร้อนที่หัวพิมพ์เพิ่มมากขึ้น เพราะไม่มีน้ำหมึกมาหล่อเลี้ยง ซึ่งอาจมีผลให้เครื่องพิมพ์เสียหายได้ สำหรับเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตรุ่นใหม่ๆ จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ฝืนพิมพ์ต่อเมื่อหมึกสีใด สีหนึ่งหมด ด้วยการไม่รับงานพิมพ์ใดๆ ทั้งสิ้น จนกว่าจะเปลี่ยนหมึกตลับใหม่

โหลดโปรแกรมเครียร์ซับหมึกแคนนอน

โหลดโปรแกรมเครียร์ซับหมึกแคนนอน Canon iPTool Software Resetter for Canon iP1200, iP1300, iP1600, iP1700, iP1800, iP2200, iP2500 :
http://tricks-collections.com/2008/04/iptool-canon-printer/

ขั้นตอนการ Reset ตลับหมึก Canon ip2770

ขั้นตอนการ Reset ตลับหมึก Canon ip2770








ไฟสีส้มกระพริบ 5 ครั้ง

1. ตลับเสีย แก้ไขไม่ได้ ต้องซื้อตลับหมึกใหม่

2. ฝาปิดตลับหมึก (ที่เป็นฝางับ) ปิดได้ไม่สนิท อาจะเป็นเพราะสายแทงค์ขัดไว้ วิธีแก้คือ พยายามปิดให้สนิท


ไฟสีส้มกระพริบ 7 ครั้ง

1.เครื่องฟ้องน้ำหมึกหมด วิธีแก้ คือ กดปุ่ม รีซูม ค้างไว้ 5 วินาที

2.สาเหตุต่อมาคือ ถาดซับน้ำหมึกเต็ม ต้องใช้โปรแกรมเคลียร์ครับ

สัญญาณกระพริบ

- ส้ม 2 ครั้ง เขียว 1 ครั้ง หมายถึง ไม่ใส่กระดาษหรือกระดาษหมด

- ส้ม 3 ครั้ง เขียว 1 ครั้ง หมายถึง กระดาษติด หรือ ระบบกลไกล ขัดข้อง / ระบบชุดปั๊มหมึก / ระบบดึงกระดาษ / สายเซนเซอร์หัวพิมพ์ชำรุดหรือเปื้อน

- ส้ม 4 ครั้ง เขียว 1 คร้ง หมายถึง ไม่ได้ติดตั้งตลับหรือไม่ได้ใส่หมึก
- ส้ม 5 ครั้ง เขียว 1 ครั้ง หมายถึง ยังไม่ได้ติดตั้งหัวพิมพ์(Print Head) หรือตลับหมึกเสีย ให้เปลี่ยนทั้งตลับหมึกดำ และหมึกสี

- ส้ม 7 ครั้ง เขียว 1 ครั้ง หมายถึง หมึกหมด หรือผ้าซับหมึกใกล้เต็ม หรือ บางครั้งอาจจะเป็นหัวพิมพ์ก็ได้ ทางที่ดีให้ถอด ตลับหมึกทั้ง ดำ และสี ออกก่อน ว่าไฟเขียวจะค้างปกติหรือไม่ ถ้าปกติ หมายความว่า หัวพิมพ์เสียอย่างเดียว ครับ
- ส้ม 8 คร้ง เขียว 1 ครั้ง หมายถึงแผ่นซับหมึกเต็ม

ซัพหมึกเต็ม

ให้ใช้โปรแกรมรีเซ็ต Reset http://www.rayonglive.com/IP2770.exe หรือ ลองดู http://shallvgive2.wordpress.com

1 หลังจากที่คุณดาวน์โหลด RESETTER, สารสกัดและคลิกสองครั้งที่"servicetool.exe"
2 คลิกปุ่มโหลดและคุณจะได้รับพอร์ต USB ใหม่
3 เอกสารบาง Load ในเครื่องพิมพ์ของคุณและกด"Main"ปุ่มรอจนกว่าจะแสดง"ข้อผิดพลาด 001"แล้วกด OK
4 จากนั้นกดปุ่ม"EEPROM"และเครื่องพิมพ์จะพิมพ์ข้อความบางส่วนหลังจากที่คลิกที่
5 จากนั้นปิดไฟเครื่องพิมพ์ (บางครั้งคุณต้องกดปุ่มเพาเวอร์สองครั้งเพื่อปิด) และเปิดใช้งานอีกครั้ง และมันทำ

หรือ

1. Turn off the printer without pulling the power cords.
2. Hold down Resume button and press Power button.
3. Keep holding down Power button and let Resume button go.
4. Then Press Resume button 5 times then let BOTH buttons go.
5. You will notice that the Alternate Blinking error is gone, this means that the printer is in Service Mode state.

1 ปิดเครื่องพิมพ์โดยไม่ต้องดึงสายไฟ
2 ปุ่ม Resume ค้างไว้และกดปุ่มเพาเวอร์
3 ให้ค้างปุ่มเพาเวอร์และปุ่มแจ้งให้ไปสมัครงาน
4 จากนั้นกดปุ่ม Resume 5 ครั้งแล้วให้ปุ่มทั้งสองข้างขึ้นไป
5 คุณจะพบว่าข้อผิดพลาดอื่นกระพริบตาหายไปนี้หมายถึงว่าเครื่องพิมพ์อยู่ในสถานะที่บริการโหมด

หัวพ่นหมึกตัน

ลองใช้ตัวดูดไล่ลมดูก่อน หรือแช่บริเวณหัวพ่นด้วยน้ำอุ่น อาจต้องแช่นานเป็นวันถ้าอาการไม่หนักก็จะใช้ได้

เทสหัวโดยการเปิดเครื่องพริ้นฯแล้วกดปุ่ม Resumeสัก2ครั้งเร็วๆเครื่องก็จะทำการเทสการพริ้นออกมาเป็นเส้นถ้าเส้นขาดตอนไม่สม่ำเสมอ ลองแช่หัวพ่นต่อไปซัก 3 วัน

ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ต้มน้ำ ใส่หม้อใหญ่ๆ เอาหัวพ่นลงไปแช่ทั้งตลับเลย ไม่ต้องกลัวพัง แช่ทิ้งไว้ 3 วัน แล้วเอามาตากให้แห้งสนิท แล้วเอาไปใช้

ถ้าไม่หายคงต้องซื้อใหม่

ไดร์วเวอร์ canon ip2770,2700driver download

http://upload.one2car.com/download.aspx?pku=45EE70877A8LCUKXUANUA3OJS5DGA7
หรือ or
http://www.mediafire.com/?yoydzxjmhdi

วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2554

ฝากรูป.net

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันกระแสของเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network) เช่น Facebook, Twitter กำลังมาแรงสุดๆ มีหลายโปรแกรมที่ได้มีการเชื่อมโยงฟังก์ชันของตัวเองนั้นไปยังเว็บเครือข่ายสังคมออนไลน์ และโปรแกรมยอดฮิตอย่าง MSN (Windows Live Messenger) รุ่นใหม่ๆ ก็ได้มีฟังก์ชันเชื่อมโยงไปยังเว็บที่เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ เพราะเหตุนี้จึงเป็นช่องทางให้ผู้ที่ไม่หวังดีปล่อยไวรัสระบาดไปยังผู้ใช้ งาน MSN ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาปัญหาไวรัส MSN ยังคงระบาดและเปลี่ยนรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีวิธีการป้องกันแต่ไวรัสรุ่นใหม่ๆ ก็ถือกำเนิดขึ้นให้เพื่อนๆ ได้ปวดหัวกับการหาวิธีการแก้ปัญหาเมื่อโดนไวรัสเล่นงาน

ไวรัสตัวใหม่ล่าสุดที่กำลังระบาดสำหรับผู้ที่ใช้งาน MSN ตอนนี้แฝงตัวมาในรูปแบบลิงค์ ที่เชิญชวนให้เข้ามาดูภาพที่มีการปลอมแปลง URL มาจาก Facebook โดยไวรัสจะส่งเป็นลิงค์ รูปภาพเมื่อเพื่อนๆ หลงกลเผลอคลิกลิงค์ ก็จะติดไวรัสตัวนี้โดยไม่รู้ตัว

ตัวอย่างลิงค์ที่เป็นไวรัส MSN ตัวนี้

ฝากรูป.net

ลิงค์ที่แพร่ระบาดไวรัส = ดูรูปนี้ http://www.facebook.bbrrhh.com/facebook_image.php?image=IMG0024002010.JPG
ลิงค์รูปภาพปกติที่มาจาก Facebook = http://www.facebook....&set=xxxxxxxxxx
จุดสังเกตง่ายๆ สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่โดนไวรัสตัวนี้ ก่อนจะคลิกดูภาพควรตรวจสอบลิงค์ให้ดี คือ ลิงค์ที่แพร่ระบาดไวรัสจะมีชื่อเว็บ bbrrhh.com ต่อท้าย URL ต้องสังเกตดูดีๆ เพราะ URL จะมีความคล้ายคลึงกับ URL ของจริงมาก หากเพื่อนๆ ที่โดนไวรัสตัวนี้เล่นงานก็จะมีอาการดังต่อไปนี้ครับ
อาการหลังจากโดนไวรัส MSN Facebook Image ตัวนี้ MSN ของเพื่อนๆ จะออนไลน์เองโดยอัตโนมัติ และจะทำการส่งข้อความนี้ “ดูรูปนี้ http://www.facebook....24002010.JPG” หลังจากไวรัสได้ทำการส่งข้อความ MSN ของเพื่อนๆ จะมีอาการค้าง จากนั้นประมาณ 1 นาทีก็ทำการออฟไลน์ MSN โดยอัตโนมัติและที่สำคัญไวรัสตัวนี้ได้พัฒนาการใช้ภาษาไทย คาดว่าน่าจะเป็นผีมือคนไทยพัฒนาไวรัสตัวนี้ขึ้นมา
สำหรับวิธีการแก้ไวรัส MSN ตัวนี้ มีอยู่หลายวิธี เพื่อนๆ สามารถเลือกวิธีการแก้ไขได้ตามสบายเลยครับ
วิธีที่ 1 ใช้โปรแกรม Malwarebytes Anti-Malware

1. ดาวนโหลดโปรแกรมได้ที่ http://www.malwarebytes.org/ หลังจากดาวน์โหลดโปรแกรม Malwarebytes Anti-Malware ให้ทำการติดตั้งโปรแกรมลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเพื่อนๆ

2. ก่อนเริ่มใช้งานโปรแกรม ควรทำการอัพเดทฐานข้อมูลล่าสุด คลิกเลือก Tab Update จากนั้นเลือก Check for Update
ฝากรูป.net
3. หลังจากอัพเดทโปรแกรมเรียบร้อย ให้เริ่มทำการแสกนได้ทันที เพื่อนๆ สามารถเลือกฟังก์ชันการแสกนแบบ Performquick scan (แสกนแบบรวดเร็ว) และแบบ Perform full scan (แสกนทั้งหมดแบบเต็มรูปแบบ)
ฝากรูป.net

4. หลังจากแสกนเสร็จเรียบร้อยโปรแกรมก็จะแสดงจำนวนไฟล์ต้องสงสัยหรือไฟล์ที่ เป็นอันตรายต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถดูรายละเอียดได้คลิก Show Results

ฝากรูป.net

5. สามารถลบไฟล์นั้นออกจากเครื่องได้ทันทีโดยการคลิกเลย Remove Selected

ฝากรูป.net

6. หลังจากลบไฟล์เรียบร้อย ก็จะเจอหน้าต่างให้ทำการ Restart เครื่อง คลิกเลือกปุ่ม YES

ฝากรูป.net

วิธีที่ 2 ใช้โปรแกรม MSNCleaner 1.7.5

1. ดาวน์โหลด MSNCleaner 1.7.5 http://www.infospywa...are/msncleaner/

ฝากรูป.net

2. หลังจากดาวน์โหลดเสร็จให้ทำการติดตั้งโปรแกรม จากนั้นก็ทำการเปิดโปรแกรมใช้งาน

ฝากรูป.net

3. เริ่มต้นทำการแสกน คลิกเลือก Analyze เพื่อทำการแสกนหาไวรัสที่หลบซ่อนอยู่ภายในเครื่อง หากแสกนแล้วพบไวรัสก็สามารถลบได้ทันที โดยการคลิกปุ่ม Delete

4. หลังจากแสกนเสร็จ ให้รีสตาร์ทเครื่องหนึ่งครั้ง ก็สามารถใช้งานได้ตามปกติ และที่สำคัญควรเปลี่ยนพาสเวิร์ดอีเมล์ที่ใช้เล่น MSN อย่างเร็วที่สุด

วิธีที่ 3 แบบ Manual

1. กดปุ่ม Ctrl + alt + Delete บนคีย์บอร์ด เพื่อเปิดหน้าต่าง Task manager เลือก Tab Process จากนั้นค้นหา Process ที่ชื่อว่า jusched.exe ให้คลิกขวา Process จากนั้นกดปุ่ม End Process จะมีกล่องข้อความถามให้เลือก YES เพื่อทำการ End Process


2. เปิด My Computer เลือกไดร์ C เข้าไปที่ Folder Windows

3. เลือกเมนู Tools ด้านบน แล้วคลิกเลือก Folder option จะมีหน้าต่าง Folder option เปิดขึ้นมา จากนั้นให้กดที่ Tab ที่ชื่อว่า View

4. ไปยังส่วน Hidden files and folders เลือก Show hidden files, folders, and drives และเอาเครื่องหมายถูกออกหน้า Hide empty drives in the Computer folder ตามรูป จากนั้นคลิกเลือก OK

5. หลังจากที่ทำขั้นตอนที่ 4 เรียบร้อยให้กลับไปยังโฟลเดอร์ Windows อีกครั้ง เพื่อทำการค้นหาไฟล์ที่ชื่อว่า jusches.exe ให้ทำการลบไฟล์นี้ด้วยการกด Shift + Delete เพื่อลบไฟล์ทันที