วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554

7 ขั้นตอนเทพ ที่ทำให้เครื่องคุณไม่ติดไวรัสตลอดกาล

7 ขั้นตอนเทพ ที่ทำให้เครื่องคุณไม่ติดไวรัสตลอดกาล
ปัญหาภัยร้ายที่ เกิดกับเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกวันนี้ ทวีความรุนแรงมากขึ้น สร้างความเสียหายอย่างมากมายให้กับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทั่วโลก ซึ่งปัญหาเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ไวรัส โทรจัน แฮกเกอร์ และอื่น ๆ แต่ที่สร้างความเสียหายให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์มากที่สุดคงหนีไม่พ้นไวรัส และแน่นอนว่ามีผู้ใช้ไม่น้อยที่เคยหรือกำลังโดนไวรัสเล่นงาน และความเสียหายก็ยังตราตรึงจำได้ไม่ลบเลือน สุดท้ายหนทางในการแก้ปัญหาก็คือ การฟอแมตเครื่อง ซึ่งทำให้คุณสามารถกำจัดไรสไปได้ แต่ก็ต้องสูญเสียข้อมูลแสนสำคัญไปด้วย
แต่นั่นคือ การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากมีการป้องกันที่ดี ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราไม่อยู่ในภาวะเสี่ยงกับไวรัส โอกาสที่คุณจะโดนไวรัสเล่นงานก็มีน้อยลง ต่อจากนี้ไปจะเป็น 7 วิธีที่ทำให้คุณลดภาวะความเสี่ยงและรอดพ้นจากไวรัสคอมพิวเตอร์ไปได้ตลอดกาล

1. ใช้โปรแกรมป้องกันไวรัส
การใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสเป็นสิ่ง ที่คุณควรทำเป็นอันดับแรก เพราะโปรแกรมเหล่านี้เป็นเหมือนบอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่ปกป้องเครื่อง คอมพิวเตอร์ของคุณ โปรแกรมป้องกันไวรัสจะทำหน้าที่หลักอยู่สามส่วนคือ
--> ป้องกันไวรัสที่จะเข้ามาในเครื่อง เป็นการตรวจดูไฟล์ที่จะเข้ามาในเครื่องว่าจะเป็นไวรัสหรือไม่?
--> ตรวจจับไวรัสที่เล็ดลอดเข้ามา สแกนไฟล์ที่อยู่ในเครื่องว่าเป็นไวรัสหรือไม่?
--> กำจัด (Delete) หรือกักกัน (Quarantines) ในกรณีที่พบไฟล์ไวรัส โปรแกรมป้องกันไวรัสจะทำการลบไฟล์นั้นทิ้ง แต่ถ้าพบว่าเป็นไฟล์ที่มีความเสี่ยง แต่ไม่แน่ว่าจะเป็นไฟล์ไวรัสหรือลบไม่ได้ โปรแกรมจะทำการกักกันไฟล์ไม่ให้มีการทำงาน
โดยการทำงานในสองส่วนแระจะใช้การเปรียบเทียบฐานข้อมูลการทำงานของไวรัส (Definion) กับไฟล์ที่ต้องสงสัยว่าเข้าข่ายที่จะเป็นไฟล์ไวรัสหรือไม่ ถ้าใช่จะเข้าสู่ขั้นตอนของการลบหรือกักกันไฟล์ที่ต้องสงสัยต่อไป

2. ใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสที่เหมาะกับตัวเอง
โปรแกรมป้องกันไวรัสในปัจจุบันมีอยู่หลายประเภท ตามแต่ที่ผู้ผลิตแต่ละรายจะประกาศสินค้าออกมา แต่ตัวที่สำคัญ ๆที่คุณควรรุ้จักจะมีอยู่ไม่กี่ตัว นั้นคือ Anti-Virus เป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่ป้องกันไวรัส รวมไปถึง สปายแวร์ (Spyware) และแอดแวร์ (Adware) ได้บางส่วน
Firewall เป็นระบบป้องกันการบุกรุกเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต ป้องกันการโจมตีโดยที่คุณไม่รู้ตัว
Anti-Spyware เป็นโปรแกรมที่มีหน้าที่กำจัดโปรแกรมจำพวกสปายแวร์ และแอดแวร์โดยเฉพาะ ซึ่งโปแกรมเหล่านี้จะมีการควบคุมที่ง่าย ผุ้ใช้สามารถเลือกใช้งานได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้มากนัก โดยทั่วไปโปรแกรมเหล่านี้จะมีแยกขายเป็นตัว ๆ แต่มีการนำเอาโปรแกรมทั้งหมดมารวมกัน และเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยอื่น ๆ เช่น โปรแกรมป้องกันสแปมเมล์ (Spam Mail) หรือโปรแกรมกรองข้อมูลที่ไม่เหมาะสม (Content Filtering) เข้ามารวมเป็นชุดโปรแกรม Internet Security ซึ่งชุดโปรแกรมนี้จะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี และครบถ้วน แต่ผู้ใช้ก็ต้องมีความรู้ในการจัดการระบบรักษาความปลอดภัยมากพอสมควร .

3. ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสให้เป็น
ใน การติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส หลาย ๆ คนยังไม่รู้วิธีการติดตั้งที่ถูกต้องนัก ทำให้โปรแกรมไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรมอย่างถูกวิธีก็ไม่ได้มีวิธีการาที่ยุ่งยากอะไร เพียงแค่ลำดับความสำคัญของโปรแกรมให้ถูกก็พอ
ขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสนั้น ควรทำหลังจากที่ติตั้งระบบปฏิบัติการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในขณะนั้นเป็นช่วงที่ระบบมีความสะอาดมากที่สุด และทำการอัพเดตให้โปรแกรมป้องกันไวรัสมีฐานข้อมูลของไวรัสล่าสุดจนถึงวัน ที่ติดตั้งโปรแกรม
จากนั้นก็ทำการติดตั้งโปรแกรมต่าง ๆ ลงไป เพื่อเป็นการเช็คว่าโปรแกรมเหล่านั้นมีไฟล์ไวรัสแฝงมาหรือไม่ และขั้นตอนสุดท้ายค่อยทำการย้ายไฟล์ข้อมูลกลับเข้ามาเก็บไว้ในเครื่อง
อย่างไรก็ตามบางคนอาจจะติดตั้งโปรแกรมต่าง ๆ ลงไปก่อนก็ได้ไม่ว่ากัน ถ้ามั่นใจว่าโปรแกรมที่ใช้อยู่มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ แล้วจึงติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสขั้นตอนต่อมา และทำการอัพเดทโปรแกรมป้องกันไวรัสให้ทันสมัย ก่อนที่จะนำข้อมูลเข้ามาเก็บเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพราะโอกาสที่ไวรัสจะแฝงเข้ามากับข้อมูลที่คุณมีอยู่มีความเป็นไปได้สูง กว่าไวรัสที่แฝงมากับโปรแกรม

4. อัพเดทฐานข้อมูลไวรัส (Definition) อยู่เสมอ
การอัพเดทฐานข้อมูลไวรัสเป็นสิ่งที่ผุ้คนมักจะหลงลืมอยู่เป็นประจำ หลาย ๆ คนยังมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องนักเกี่ยวกับโปรแกรมป้องกันไวรัสว่า เมื่อติดตั้งโปรแกรมไปแล้วจะสามารถป้องกันไวรัสได้ตลอดไป นั้นถือว่าเป็นความเข้าใจที่ผิด โปรแกรมป้องกันไวรัสมีหน้าที่ในการป้องกันไวรัส แต่ผู้พัฒนาไวรัสเองก็มีการพัฒนารูปแบบของไวรัสใหม่ ๆ ออกมาให้สามารถทำงานทะลุทะลวงโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ไม่มีการอัพเดตฐาน ข้อมูลได้
ดังนั้นวิธีป้องกันก็คือ ผุ้ใช้จะต้องมีการอัพเดตฐานข้อมูลวไรสอยู่เสมอ เพื่อให้โปรแกรมป้องกันไวรัสของคุณรู้จักกับระบบการทำงานของไวรัสตัวใหม่ ๆ วิธีการอัพเดตไม่ยากครับ ในตอนติดตั้งโปรแกรมจะมีการถามให้อัพเดตฐานข้อมูล ซึ่งคุณอาจจะตั้งให้โปรแกรมทำการอัพเดตฐานข้อมูลอัตโนมัติก็ได้
ถ้าไม่มั่นใจก็ให้คุณปิดโปรแกรมป้องกันไวรัสขึ้นมา แล้วมาหาคำสั่ง Updates เมื่อเจอก็คลิ๊กเลยครับ โปรแกรมจะทำการอัพเดตฐานข้อมูลให้คุณ ควรทำอย่างน้อยวันละครั้งถ้าทำได้ครับ แต่ถ้าทำไม่ได้ทุกครั้งที่ต่อเข้าอินเตอร์เน็ตก็ควรทำการอัพเดตทันที เพราะหากคุณทิ้งไว้นานเกินไป การอัพเดตจะใช้เวลานานมาก และบางครั้งในช่วงที่คุณไม่ได้อัพเดต คุณอาจจะโดนไวรัสเล่นไปแล้วก็ได้

5. เปลี่ยนเวอร์ชันใหม่ทันทีที่มีโอกาส
โดยทั่วไปโปรแกรมป้องกันไวรัสจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี หลังจากนั้นผู้ผลิตจะออกโปรแกรมป้องกันไวรัสเวอร์ชันใหม่ออกมา บางคนอาจจะคิดว่าเราจะเสียเงินไปซื้อโปรแกรมเวอร์ชันใหม่ทำไม ในเมื่อเวอร์ชันเก่าก็ยังใช้ได้ และยังอัพเดตฐานข้อมูลได้
จริงอยู่ครับที่เมื่อหมดปีคุณยังสามารถใช้งานโปรแกรมเวอร์ชันเก่า ได้ แต่โปรแกรมป้องกันไวรัสเวอร์ชันใหม่ที่ออกมาจะมีการพัฒนาระบบการทำงานภายใน เพื่อให้สามารถรับมือกับไวรัสได้ดีขึ้น รวมไปถึงอาจจะมีการเพิ่มฟังก์ชันบางอย่างที่ช่วยให้คุณใช้งานโปรแกรมได้ สะดวก ง่าย และปลอดภัยกว่าเดิม เช่น ลดขนาดไฟล์ฐานข้อมูลไวรัสให้มีขนาดเล็ก ทำให้การอัพเดตสามารถทำได้รวดเร็วขึ้น

6. อย่ารับไฟล์แปลกหน้า และติดตามข่าวสารอยู่เสมอ
แม้ว่าคุณจะอัพเดตโปรแกรม ป้องกันไวรัสให้ใหม่อยู่เสมอแค่ไฟนก็ตาม แต่ความจริงอย่างหนึ่งที่คุณควรรู้ก็คือ ไฟล์อัพเดตนี้ก็มีขึ้นหลังจากที่เกิดไวรัสขึ้นแล้ว นั่นหมายถึงคุณก็ยังมีโอกาสติดไวรัสได้ตลอดเวลา การป้องกันอีกอย่างหนึ่งที่คุณทำเองได้ก็คือ ไม่พยายามรับไฟล์แปลก ๆ เพราะไฟล์เหล่านั้นอาจจะมีไวรัสแฝงมา ในสมัยก่อนไฟล์เหล่านี้อาจจะส่งมาจากคนที่เราไม่รู้จักแต่ไวรัสสมัยใหม่ก็ ฉลาดพอที่จะขโมยรายชื่อจากอีเมล์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคนรู้จักของคุณ ดังนั้นอย่าไว้ใจไฟล์ที่ส่งมา ถ้าไม่มั่นใจจะใช้วิธี MSN หรือโทรไปถามก็ได้ครับว่า เพื่อนหรือครู หรือเจ้านายของคุณส่งไฟล์นี้มาหรือไม่ และคุณควรติดตามข่าวสารเกี่ยวกับไวรัสใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งเว็บไซต์ของผู้ผลิตโปรแกรมป้องกันไวรัสจะมีการอัพเดตข่าวอยู่เสมอ

7. ติดไวรัสแล้วอย่ากลัว
ติดไวรัสแล้วทำยังไง ก่อนอื่นอย่ากลัวหรืออย่าตื่นตกใจไป ลองเช็คอาการที่เกิดขึ้น แล้วใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่ติดไวรัสหาข้อมูลว่า ไวรัสที่เล่นงานคุณชื่อว่าอะไร และมีโปรแกรมแก้ไขไหม (Remova Tools) ถ้ามีก็ดาวน์โหลดมาใช้งาน เพื่อทำการลบไวรัส จากนั้นก็เปิดเครื่องให้อยู่ในระบบ Safe Mode ขั้นตอนต่อไปให้ทำการอัพเดตฐานข้อมูลไวรัสให้ทันสมัยที่สุด แล้วรีบูตเครื่องอีกครั้งตามปกติ แล้วทำการสแกนไวรัสในเครื่องอีกครั้ง เพื่อหาไฟล์ไวรัสที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่ถ้าแก้ไขแล้วยังไม่ดีขึ้นก็ต้องทำกใจฟอร์แมตใหม่ครับ